ใจเอ๋ยจงตื่นขึ้นเถิด
1.ใจเอ๋ยจงตื่นขึ้นเถิดแล้วเร่ง
เปล่งเสียงสรรเสริญร้องถวายเพลง
แด่องค์พระเจ้าพระมหาไถ่
ผู้ทรงเมตตาไพร่ฟ้าทั่วไป
ร้องรับ
ร้องรับ โอความรักล้ำเสิศ
ความรักล้ำเลิศ
ความรักประเสริฐของพระเยซู
2.ทรงเห็นตัวข้าฯตกเข้าอบาย
ยังช่วยให้หลุดพ้นความชั่วร้าย
ทรงมีพระทัยรักใคร่มนุษย์
เพราะทรงเมตตาไพร่ฟ้าที่สุด
3.แม้พวกศัตรูเหล่าโลกมนุษย์
หรือหมู่มารร้ายยกมายงยุทธ
พระองค์ทรงช่วยข้าฯไม่ได้หยุด
เพราะทรงเมตตาไม่มีสิ้นสุด
4.เมื่อมีทุกข์ร้อนเหมือนก้อนเมฆหนา
และฟ้าคะนองพายุพัดกล้า
พระองค์สถิตให้ข้าฯไม่กลัว
เพราะทรงเมตตาไพร่ฟ้าหมดทั่ว
ใจชั่วเท่าใดข้าฯก็เชื่อว่า
1. ใจชั่วเท่าใดข้าฯก็เชื่อว่า
โลหิตพระองค์ได้ไหลไถ่ข้าฯ
พระองค์ตรัสว่า เชิญมาอย่าช้า
พระเยซูเจ้า ข้าฯเชื่อ เดี๋ยวนี้
2. บาปมีเท่าใดไม่ควรรอไว้
ข้าฯไม่สามารถชำระตนได้
ล้างบาปสะอาดภายนอกภายใน
พระเยซูเจ้า ข้าฯเชื่อ เดี๋ยวนี้
3. กังวลมากมายจิตใจวุ่นวาย
ถูกการรบกวนจนเกิดสงสัย
ต่อสู้ภายนอกและกลัวในใจ
พระเยซูเจ้า ข้าฯเชื่อ เดี๋ยวนี้
4. ใจบาปเท่าใดพระองค์ทรงรับ
ยกโทษความบาปความทุกข์จึงดับ
เมื่อสารภาพทรงโปรดสดับ
พระเยซูเจ้า ข้าฯเชื่อ เดี๋ยวนี้
5. ความรักยิ่งใหญ่น่าอัศจรรย์
พระองค์ทำลายสิ่งร้ายทุกอัน
ข้าฯขอเป็นสาวกด้วยใจมั่น
พระเยซูเจ้า ข้าฯเชื่อ เดี๋ยวนี้
ในคืนวันหนึ่งยามเงียบสงัด
1.ในคืนวันหนึ่งยามเงียบสงัด
มีทูตสวรรค์ลงมา
ร้องเพลงสรรเสริญดีดพิณทองคำ
และนำข่าวดีกล่าวว่า
“ความสุขจงมีแก่ชาวโลกนี้
เพราะมีกษัตริย์บังเกิด”
มนุษย์ทั้งหลายจงเงี่ยหูฟัง
บทเพลงความสุขประเสริญ
2. เหล่าทูตสวรรค์พากันลงมา
ร้องเพลงแสดงยินดี
เพื่อให้ชาวโลกซึ่งเหน็ดเหนื่อยใจ
ได้รับความสุขเปรมปรีดิ์
แต่ว่ามนุษย์ยังคงดื้อดึง
ไม่มีความสามัคคี
คนบาปทั้งหลายจงไตร่ตรองดู
รับพรจากพระเยซู
3. ผู้ใดเป็นทุกข์หนักอกหนักใจ
ต้องแบกภาระเหลือหลาย
ผู้ใดรับความทุกข์ทรมาน
จนเหนื่อยดูเหมือนไม่ไหว
บัดนี้จงเงยหน้าดูพระเจ้า
รับเอาความรอดโดยดี
พระองค์จะโปรดประทานความสุข
พ้นทุกข์แก่ท่านทันที
4. วันคืนกำลังจะผ่านพ้นไป
ตามคำผู้ทำนายไว้
ยุคนั้นจะมาเวลากำหนด
คือยุคไม่มีวันตาย
ความสุขจะแผ่ออกไปทั่วโลก
เปรียบดังแสงรัศมี
ชาวโลกร้องเพลงอย่างทูตสวรรค์
คือเพลงสุขสวัสดี.